ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับแสง
1. การกระจายของแสง (Dispersion of light)
ในการกระจายของแสง แสงสีต่างๆ จะมีมุมหักเหแตกต่างกันโดยแสงสีแดงซึ่งมีพลังงานต่ำสุด ความสามารถในการหักเหจึงน้อยมุมหักเหจึงมีค่ามากสุด ทำให้มุมเบี่ยงเบนของแสงสีแดงมีค่าน้อยที่สุด ดังรูปที่
2. การสะท้อนกลับหมดของแสง
โดยปกติเมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง แสงจะเกิดการหักเหโดยมุมที่แสงหักเหจะมีค่าจะมีค่ามากขึ้นถ้ามุมตกกระทบของแสงมากขึ้น เมื่อมุมตกกระทบมีค่ามากกว่ามุมวิกฤต ในกรณีเช่นนี้แสงจะสะท้อนกลับหมด ดังรูป
อุปกรณ์ที่ใช้หลักการสะท้อนกลับหมดมีมากมาย เช่น กล้องส่องทางไกลที่มีปริซึมทำให้แสงสะท้อนกลับหมด เครื่องบันทึกลายนิ้วมือที่มีปริซึมช่วยจับภาพลายนิ้วมือ เส้นใยนำแสง มีลักษณะเป็นท่อทรงกระบอกกลมทำให้แสงสะท้อนกลับไปมาในท่อ ซึ่งใช้ประโยชน์ในการสื่อสาร และเป็นกล้องขนาดเล็กตรวจภายในหรือไฟเบอร์สโคป
3. รุ้ง (Rainbow)
เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการหักเหและสะท้อนกลับหมดของแสงผ่านละอองน้ำในชั้นบรรยากาศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดหลังฝนตก และเกิดฝั่งด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์เสมอ ซึ่งลักษณะการหักเหและสะท้อนกลับหมดในละอองน้ำในชั้นบรรยากาศเกิดได้ 2 แบบนี้ ดังรูป ซึ่งทำให้เกิดรุ้งปฐมภูมิและรุ้งทุติยภูมิ และแต่ละคนจะมองเห็นสีรุ้งได้ต่างกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งการยืน
การเกิดรุ้งปฐมภูมิ
การเกิดรุ้งทุติยภูมิ
4. ภาพลวงตาหรือมิราจ (Mirage)
เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการหักเหของแสงในชั้นบรรยากาศแล้วมีการสะท้อนกลับหมด เนื่องจากความหนาแน่นของอากาศในชั้นต่างๆ ไม่เท่ากัน
5. การเกิดสีบนท้องฟ้า
แสงสีต่างๆมีความสามารถในการกระเจิงของแสงแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพลังงานของแสงสีนั้น โดยพลังงานของแสงมากการกระเจิงของแสงจะมีค่ามาก นั่นหมายความว่าแสงสีม่วงจะมีความสามารถในการกระเจิงของแสงมากที่สุด
ในเวลากลางวันแสงอาทิตย์ทำมุมชันกับพื้นโลก แสงจะเดินทางผ่านบรรยากาศเป็นระยะทางสั้นๆ แสงสีม่วง คราม และน้ำเงิน จะกระเจิงเต็มท้องฟ้า เราจึงมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า ในยามเช้าและยามเย็นแสงอาทิตย์ทำมุมลาดกับพื้นโลก แสงจะเดินทางผ่านบรรยากาศเป็นระยะทางยาว แสงสีม่วง ครามน้ำเงิน ซึ่งกระเจิงได้ดีที่สุด จะกระเจิงทิ้งไปมากเพราะระยะทางมาก ทำให้เหลือแสงสีแดง ส้ม ซึ่งกระเจิงได้น้อยมากเข้าตาเรา
6. พระอาทิตย์ทรงกลด
เกิดขึ้นจากบรรยากาศของโลกในชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นล่างสุดและเป็นชั้นที่มีกลุ่มเมฆจำนวนมาก มีอากาศเย็นจัดตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จนทำให้ละอองน้ำในอากาศ ณ เวลานั้นๆ แข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งอนุภาคเล็กๆ จำนวนมากลอยอยู่บนท้องฟ้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และส่องแสงทำมุมกับเกล็ดน้ำแข็งได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเหและการสะท้อนของแสง ทำให้เกิดเป็นแถบสีรุ้งคล้ายการเกิดรุ้งกินน้ำหลังฝนตก
เจ๋งมากกก ครับ
ตอบลบช่วยในการค้นหาได้มากจริงๆ